5 เมนูเด็ดในจังหวัดซากะ แดนสวรรค์อาหารริมหาดแห่งคิวชู
จังหวัดซากะ (Saga) อยู่ติดกับทะเลอาริอาเกะ (Ariake) เป็นแนวชายฝั่งทะเลที่มีชื่อเสียงในฐานะแหล่งวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผา โดยเฉพาะเมืองคาราซึ (Karatsu) อิมาริ (Imari) และ อาริตะ (Arita) แต่ด้วยความที่ตัวจังหวัดอยู่ริมทะเล ภูมิอากาศจึงไม่ค่อยรุนแรง อีกทั้งยังมีอากาศบริสุทธิ์และป่าเขาลำเนาไพรมากมาย ส่งผลให้วัฒนธรรมด้านอาหารการกินเฟื่องฟูขึ้นมาตามๆ กัน วัตถุดิบและเมนูจากซากะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อซากะหรือชาอุเรชิโนะก็ล้วนเป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ ซึ่งในบทความนี้ เราก็ได้ทำการคัดสรร 5 เมนูห้ามพลาดมาให้คุณได้ลิ้มลองกันแล้ว!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ข้อมูลจังหวัดซากะ
จังหวัดซากะตั้งคร่อมอยู่ระหว่างจังหวัดฟุกุโอกะและนางาซากิ อยู่ติดกับทะเลอาริอาเกะและอยู่ใกล้กับแผ่นดินหลักของทวีปเอเชีย ที่นี่เคยเป็นจุดศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทางการค้าและวัฒนธรรมกับต่างชาติที่สำคัญมากในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ก็เป็นที่รู้จักกันขึ้นมาจากเครื่องปั้นดินเผา โดยเฉพาะจากเมืองอย่างคาราซึ อิมาริ และอาริตะ แต่ในด้านอาหารก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน หากใครสนใจจะลองชิมเมนูเด็ดของซากะก็ตามไปอ่านต่อกันได้เลย!
5 เมนูอาหารท้องถิ่นต้องลองของจังหวัดซากะ
เนื้อซากะ
เนื้อซากะ (Saga Beef) เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชั้นเลิศของทางจังหวัด เนื้อวัวที่ได้ชื่อว่าเป็นเนื้อซากะจะต้องเป็นเนื้อโคญี่ปุ่นขนดำ (Kuroge Wagyu) ที่เลี้ยงในฟาร์ม JA* ซึ่งผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดแล้วเท่านั้น
ชิ้นเนื้อต้องมีลายหินอ่อนสวยงาม มีรสสัมผัสที่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ หวาน และเข้มข้น ซึ่งเป็นผลจากการดูแลเอาใจใส่มาเป็นเวลานานหลายปี บวกกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพราะจังหวัดซากะมีทั้งภูมิอากาศที่ไม่รุนแรง น้ำสะอาดและอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งถือว่าสมบูรณ์แบบสำหรับการเลี้ยงโคเนื้อ ในบรรดาเนื้อคุณภาพสูงกว่า 150 แบรนด์ในญี่ปุ่น เนื้อซากะมักจะมีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ ของชาร์ทเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หากใครฟังแล้วรู้สึกอยากลิ้มลองขึ้นมาและมีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดซากะ เราขอแนะนำให้แวะไปที่ "ร้านคิระซากะ" (Kira Saga) ร้านนี้อยู่ในเครือ JA Saga จึงเป็นหนึ่งในร้านที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยากลองทานเนื้อชนิดนี้ นอกจากจะมีเว็บไซต์กับเมนูภาษาอังกฤษแล้ว คุณยังสามารถติดต่อทางร้านไว้ล่วงหน้าเพื่อให้พวกเขาดูแลเรื่องการแพ้อาหารชนิดต่างๆ ได้ด้วย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับนักท่องเที่ยว
*JA (Japan Agricultural Cooperative) คือ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ออกระเบียบข้อบังคับและจัดการดูแลทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรในญี่ปุ่น
ปลาหมึกโยบุโกะ
โยบุโกะ (Yobuko) เป็นชื่อของเขตในเมืองคาราซึซึ่งอยู่ที่ปลายสุดทางเหนือของจังหวัดซากะติดกับทะเลเก็นไค (Genkai) เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลจึงเป็นแหล่งประมงชั้นดีที่ทั้งจับและเพาะพันธุ์อาหารทะเลนานาชนิดได้ตลอดทั้งปี รวมถึงของขึ้นชื่ออย่าง "ปลาหมึกโยบุโกะ" ด้วย
ปลาหมึกโยบุโกะไม่ได้มีชื่อเสียงเฉพาะในท้องถิ่นเท่านั้น แต่โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นเลยทีเดียว จุดเด่นอยู่ที่เนื้อใสแน่นและมีรสหวาน คนในโยบุโกะมักจะกินแบบดิบๆ เป็นซาชิมิ โดยจะแล่ทันทีที่จับได้เพื่อคงความสดและความใสของเนื้อเอาไว้ หมึกชนิดนี้ค่อนข้างไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ดังนั้น หากคุณอยากทานแบบที่สดจริงๆ ก็ต้องมากินที่โยบุโกะเท่านั้น
สำหรับคนที่ไม่ชอบทานของดิบ ที่นี่ก็มีการนำไปปรุงเป็นเมนูอื่นให้เลือกอีกมากมาย เช่น เกี๊ยวปลาหมึกที่มักจะถูกซื้อไปเป็นของฝากจากโยบุโกะ
หากคุณสนใจลองกินหมึกโยบุโกะในรูปแบบอื่นๆ เราขอแนะนำให้ลองแวะไปที่ "ตลาดเช้าโยบุโกะ" (Yobuko Morning Market) เนื่องจากที่นี่เป็น 1 ใน 3 ตลาดช่วงเช้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ระหว่างที่คุณเดินสำรวจก็จะได้เห็นอาหารมากมายนอกจากอาหารทะเลด้วย รับรองว่ามีของอร่อยให้ทานกันอย่างหนำใจเลยทีเดียว
ออนเซ็นยุโดฟุ
อาหารเมนูพิเศษประจำอุเรชิโนะออนเซ็นซึ่งอยู่ในเมืองอุเรชิโนะ (Ureshino) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดซากะ คำว่า "ยุโดฟุ (Yudofu)" นั้นแปลว่า "เต้าหู้ต้ม" เป็นเมนูที่หาได้ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ทำให้ร้านนี้แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ก็คือ เต้าหู้ต้มของอุเรชิโนะจะต้มด้วยน้ำจากบ่อออนเซ็นในพื้นที่ ซึ่งมีแร่ธาตุที่จะทำปฎิกิริยากับเต้าหู้และละลายลงไปในน้ำซุป ทำให้ซุปมีสีขาวน้ำนมและตัวเต้าหู้ก็นุ่มลื่นอร่อยลิ้น
นอกจากหน้าตาและรสสัมผัสจะดีแล้ว รสชาติก็ดีไม่แพ้กัน เพราะซากะก็ถือเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตถั่วเหลืองขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยนั่นเอง
หากใครอยากลองชิม เราขอแนะนำ "ร้านชินปาจิซูชิ" (Shinpachi Sushi) ซึ่งไม่ได้มีของขึ้นชื่อเป็นซูชิอย่างเดียว แต่รวมถึงเมนูออนเซ็นยุโดฟุนี้ด้วย โดยจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเส้นอุด้ง รับรองว่าอร่อยจนลืมไม่ลงแน่นอน!
ชาอุเรชิโนะ
ของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของอุเรชิโนะก็คือ "ชา" ว่ากันว่าที่นี่เริ่มมีการเก็บใบชาชนิดนี้กันในช่วง ค.ศ. 1648 - 1651 เมื่อชายคนหนึ่งนามว่า "โยชิมุระ จินเบ" (Yoshimura Jinbei) เริ่มกิจการไร่ชาเพื่อโปรโมทอุตสาหกรรมชาในอุเรชิโนะ
นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษเฉพาะตัวของชาอุเรชิโนะก็คือ รูปร่างของใบ ซึ่งตัวใบจะไม่แผ่ออกในระหว่างกระบวนการแปรรูปเหมือนชาญี่ปุ่นชนิดอื่น จึงได้ออกมาเป็นเป็นใบชาม้วนที่ให้รสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากเป็นชาที่มีเอกลักษณ์มากและแต่ละปีก็ผลิตได้น้อยมาก หากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนซากะก็ควรลิ้มลองให้ได้สักครั้ง
เราสามารถลิ้มลองชาชนิดนี้ได้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารผสมชาอย่าง "ชา-ชาบู" (Cha-Shabu) ที่เป็นการลวกเนื้อหมูที่ผ่านการแล่บางๆ ลงในซุปชาแบบเร็วๆ หรือ ดื่มเป็นชาอุเรชิโนะที่มีวิตามินซีสูงก็ได้ รับรองว่าดื่มแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมากๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ คุณจะลงไปแช่ตัวในบ่อน้ำชาร้อน หรือเดินเล่นในไร่ชาด้วยก็ได้ แต่หากเลือกอย่างหลังก็อย่าลืมสังเกต "ต้นไดชาจู" (Daichaju) ในไร่กันด้วยนะ ว่ากันว่าจินเบเป็นผู้ปลูกต้นชายักษ์นี้ด้วยตัวเองและเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 350 ปีแล้ว ถือว่าเป็นทั้งอนุสรณ์ทางธรรมชาติประจำชาติญี่ปุ่นและหนึ่งในพุ่มชาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
สาหร่ายซากะ
เรามักจะเห็นสาหร่ายในเมนูอาหารญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ และซากะก็เป็นแหล่งสาหร่ายชั้นเลิศ สาหร่ายที่เก็บในซากะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาหร่ายดีที่สุดของญี่ปุ่น และซากะเองก็เป็นจังหวัดที่ผลิตสาหร่ายมากที่สุดในประเทศด้วย!
ความลับของสาหร่ายซากะอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งของจังหวัด ทะเลอาริอาเกะเป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุดในคิวชูซึ่งเป็นปลายทางของแม่น้ำมากกว่า 100 สาย แม่น้ำเหล่านี้จะพัดพาสารอาหารมากับดินและทำให้สาหร่ายมีคุณภาพสูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น น้ำสะอาดจากแม่น้ำยังช่วยปรับความเข้มข้นของเกลือในอ่าวให้เหมาะสมจึงทำให้สาหร่ายในบริเวณนี้มีรสชาติดี
และประการสุดท้าย คือ ระดับน้ำทะเลที่แตกต่างกันมากในช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง ทำให้สาหร่ายได้รับแสงอาทิตย์อย่างเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต ซึ่งส่งผลให้มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานถูกปากผู้คนนั่นเอง
สาหร่ายเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุในขณะที่มีแคลอรี่ต่ำ สามารถนำไปทำอาหารได้หลายวิธีรวมถึงเมนูยอดฮิตของญี่ปุ่นอย่าง "โอนิกิริ" (ข้าวปั้น) อีกทั้งยังสามารถแปรรูปให้เก็บรักษาได้นานด้วย จะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปไว้กินให้หายคิดถึงซากะก็ไม่เลวเลย และหากใครต้องการซื้อหรือลองกินซอฟต์ครีมรสสาหร่ายก็สามารถแวะไปที่ "ร้านมาเออุมิ" (Maeumi) ดูได้ ที่นี่เป็นร้านในการดูแลของสหพันธ์สหกรณ์ประมงจังหวัดซากะ (JF Saga Prefecture Fishery Cooperative Federation) ที่ขายของฝากในท้องถิ่นครบทุกรูปแบบเลยทีเดียว
มาออกสำรวจคิวชูกันเถอะ!
ซากะเป็นเพียง 1 ใน 7 จังหวัดของภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์และทัศนียภาพอย่างคิวชูเท่านั้น เพราะที่จริงแล้วคิวชูยังมีอาหารแสนอร่อยอีกมากมายรอให้คุณไปลิ้มลอง หากใครสนใจบทความแนะนำอาหารเพิ่มเติม เราก็มีอีกหนึ่งบทความที่แนะนำอาหารเมนูต่างๆ มากมาย ที่งเมนูที่เราได้แนะนไปแล้ง ไปจนถึงอาหารอื่นๆ ในจังหวัดนางาซากิและจังหวัดฟุกุโอกะ
หากสใจหาข้อมูลเกี่ยวกับคิวชูเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ท่องเที่ยวทางการของคิวชูในลิงก์นี้ได้เลย!
เว็บไซต์: https://www.visit-kyushu.com/en/
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่