เคล็ดลับเที่ยว “เกาะมิยาจิม่า” ที่คุณอาจไม่รู้! เกาะสวยๆ ที่ไม่ได้มีแค่โทริอิสีแดง!
มิยาจิม่า (宮島) อยู่ในจังหวัดฮิโรชิม่า ได้รับการยกย่องให้เป็นถึง 1 ใน 3 สถานที่ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น หากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวฮิโรชิม่านี่ถือว่าไม่ควรพลาด อย่างไรก็ตาม หลายๆ คนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกก็อาจจะยังไม่คุ้น และมีคำถามมากมาย เช่น บนเกาะมีอะไรให้เที่ยวและกินบ้าง? จะไปช่วงเช้าหรือบ่ายดี? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำวิธีเที่ยวเกาะมิยาจิม่าแบบให้ไม่เสียเวลาและได้ชมวิวสวยๆ กันอย่างครบถ้วน!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เมื่อพูดถึงเกาะมิยาจิม่า จังหวัดฮิโรชิม่าแล้วหลายๆ คนอาจจะนึกถึงประตูโทริอิใหญ่ๆ สีแดงของศาลเจ้าอิตสึกุชิมะที่ตั้งอยู่กลางน้ำ แต่ล่าสุดเนื่องจากเสาประตูโทริอินี้ตั้งมา 140 ปีแล้ว ก็เก่าลงและมีรอยต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จึงถูกซ่อมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีค.ศ. 2019 และยังไม่มีกำหนดว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อไร แต่จะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ปีค่ะ
แต่ถึงประตูโทริอิจะถูกซ่อมอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเกาะมิยาจิม่าจะไม่มีอะไรให้เที่ยวนะคะ ที่จริงแล้วเกาะมิยาจิม่ามีอะไรมากกว่านั้น ทั้งสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ทิวทัศน์ ธรรมชาติและจุดชมวิวที่สวยงาม รวมไปถึงของกินที่อร่อยและแปลกใหม่
บทความนี้จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันค่ะว่านอกจากประตูโทริอิสีแดงแล้วบนเกาะนี้ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง รวมถึงบอกเคล็ดลับในการเที่ยวเกาะมิยาจิม่าให้ไม่เสียเวลาและได้ชมวิวสวยๆ ด้วย หากพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยค่ะ
กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ บนเกาะมิยาจิม่า
เกาะมิยาจิม่านั้นได้รับการยกย่องให้เป็นถึง 1 ใน 3 ไตรทรรศน์แห่งญี่ปุ่น หรือสถานที่ 3 แห่งที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยเอโดะ สถานที่ท่องเที่ยวในเกาะก็มีหลากหลายตั้งแต่ศาลเจ้า ถนนร้านค้า และจุดชมวิวต่างๆ แต่สถานที่หลักๆ และกิจกรรมที่ไปแล้วไม่อยากให้พลาด มีดังนี้ค่ะ
1. สักการะและขอพรที่ศาลเจ้าอิตสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine)
ศาลเจ้าอิตสึกุชิมะ (Itsukushima Shrine) เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 593 เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1996
ศาลเจ้าแห่งนี้มีโครงสร้างที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ โดยโครงสร้างแบบปัจจุบันนั้นได้มาจากการบูรณะในปีค.ศ. 1168 เป็นสถาปัตยกรรมแบบชินเด็นหรือสถาปัตยกรรมแบบที่ใช้สร้างปราสาทและบ้านขุนนางในยุคสมัยเฮอัน ภายในประกอบไปด้วยศาลเจ้าหลัก ศาลเจ้ารองรอบๆ ห้องดนตรี และเวทีแสดงละครโนห์ โดยทั้งหมดจะถูกเชื่อมโดยระเบียงทางเดินยาวกว่า 300 เมตร หากเข้าไปภายในศาลเจ้าจะสามารถมองเห็นประตูโทริอิสีแดงได้อย่างชัดเจน
2. ชมวิวสวยๆ บนภูเขามิเซ็น (Mount Misen) และมิยาจิม่าโรปเวย์
เป็นหนึ่งจุดที่แนะนำมากๆ เลยค่ะ เพราะวิวจากบนภูเขามิเซ็นนั้นสวยมากจริงๆ ภูเขามิเซ็นเป็นภูเขาที่สูงที่สุดบนเกาะมิยาจิม่า จุดชมวิวบนเขานั้น จะสามารถชมความงามของทะเลเซโตะใน และเกาะเล็กต่างๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในวันที่อากาศดีๆ ก็จะสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงแนวเขาบนเกาะชิโกกุเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับวิธีการขึ้นมาบนเขานั้นก็สามารถที่จะปีนขึ้นขึ้นมาก็ได้ แต่จะใช้เวลา 1 - 2 ชั่วโมง 30 นาที แล้วแต่เส้นทางและความชำนาญในการเดิน แต่เท่าที่อ่านดูคอมเมนต์ของหลายๆ ท่านแล้ว ก็รู้สึกว่าเส้นทางน่าจะค่อนข้างลำบากเหมือนกันค่ะ
สำหรับคนที่ไม่ต้องการเดินก็สามารถนั่งโรปเวย์ขึ้นมาได้ ซึ่งวิวจากโรปเวย์ก็จะแตกต่างจากการเดินขึ้นมาเอง เพราะว่าโรปเวย์จะลอยอยู่สูง ทำให้เห็นวิวได้ไกล ยิ่งวันที่อากาศดี วิวจากโรปเวย์ก็จะยิ่งสวยมากๆ เลยค่ะ
หากขึ้นโรปเวย์มาถึงด้านบนก็จะเจอจุดชมวิว และจากจุดชมวิวนี้ก็จะสามารถเดินขึ้นไปจนถึงยอดเขาได้ โดยตามทางก็จะมีสิ่งต่างๆ ให้แวะชม เช่น Kiezu no Hi แปลตรงตัวว่าไฟที่ไม่มีวันดับ เป็นไฟที่กล่าวกันว่าถูกจุดมาตั้งแต่ประมาณปีค.ศ. 800 และยังคงติดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับการเดินจากสถานีโรปเวย์ด้านบนถึงยอดเขาจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ใครที่อยากเดินถึงยอดเขาอย่าลืมเตรียมรองเท้าที่เดินสะดวกๆ มาด้วยนะคะ
3. ถ่ายรูปกับเหล่ากวางแสนน่ารัก
เมื่อเดินทางมาถึงเกาะมิยาจิม่าก็จะได้เจอเหล่ากวางเดินไปเดินมาอยู่ตามที่ต่างๆ กวางบนเกาะนี้อยู่ร่วมกับมนุษย์มานานแล้ว และมีกฏว่าห้ามล่าเนื่องจากเชื่อกันว่ากวางเป็นผู้รับใช้ของเทพเจ้านั่นเองค่ะ
หากมีโอกาสไปเกาะมิยาจิม่า คุณจะสามารถถ่ายรูปร่วมกับกวางเหล่านี้ได้ แต่ก็มีสิ่งที่ต้องระวังอยู่ คือ ที่นี่มีกฏห้ามให้อาหารกวางค่ะ เป็นจุดที่แตกต่างจากจังหวัดนาระที่คุณสามารถให้อาหารได้ เนื่องจากการให้อาหารกวางบนเกาะมิยาจิม่าในอดีตทำให้กวางเพิ่มจำนวนขึ้นมากเกินไปและทำให้ระบบนิเวศน์บนเกาะไม่สมดุล จึงต้องออกกฎห้ามให้อาหารนี้ขึ้นมาเพื่อที่ระบบนิเวศน์จะได้กลับคืนสู่สมดุลนั่นเอง
4. ช็อปของกินและของฝากที่ย่านการค้า Omotesando (Omotesando Shopping Street)
ย่านร้านค้า Omotesando เป็นย่านที่รวมร้านรวงต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของทานเล่น ไปจนถึงร้านขายของฝาก โดยจะมีร้านของกินขึ้นชื่อประจำเกาะรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก หากอยากทราบว่าของกินขึ้นชื่อประจำเกาะมิยาจิม่ามีอะไรบ้างก็ตามไปดูได้ในหัวข้อถัดไปกันเลยค่ะ
ของกินขึ้นชื่อประจำเกาะ ไปแล้วห้ามพลาด!
หอยนางรม
หอยนางรม เป็นของขึ้นชื่อประจำเกาะมิยาจิม่าเลยค่ะ สาเหตุที่หอยนางรมของที่นี่อร่อยกว่าที่อื่นๆ ก็เพราะว่าทะเลของเกาะมิยาจิม่ามีน้ำ 3 สายไหลมารวมกัน สายแรกจากแม่น้ำโอตะ และอีก 2 สายจากป่าของเกาะมิยาจิม่า ซึ่งน้ำทั้งสองสายนี้จะอุดมไปด้วยแพลงก์ตอนพืชที่ได้รับสารอาหารมาอย่างเต็มที่และเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเหล่าหอยนางรม ทำให้หอยนางรมของที่นี่มีรสชาติอร่อย กลิ่นหอม และอุดมไปด้วยแร่ธาตุนั่นเอง
สำหรับหอยนางรมของที่นี่ก็จะมีหลายเมนู มีทั้งที่นำไปย่างใส่โชยุ ชุบแป้งทอด หรือนำไปทำเป็นคาเรปัง (ขนมปังไส้แกงกะหรี่) บางร้านก็จัดหอยนางรมหลายๆ แบบรวมกันเป็นเซ็ต ซื้อทีเดียวก็ได้ทานหลายๆ แบบเลยล่ะค่ะ
ล่าสุดก็มีการนำไปทำเป็นข้าวปั้นย่างหน้าหอยนางรมทาด้วยซอสสูตรเฉพาะจนกลายเป็นเมนูชื่อดังเมนูใหม่ประจำเกาะเรียกว่าเพ็ดทาระพดทาระ (ぺったらぽったら) ค่ะ ชื่อแปลกมาก แต่ก็ฟังดูน่าอร่อยเหมือนกัน ใครชอบทานหอยนางรมนี่ห้ามพลาดเลยนะคะ
ปลาไหลอานาโกะ (Anago Eel)
อีกหนึ่งอาหารทะเลขึ้นชื่อของเกาะมิยาจิม่า คือ ปลาไหลทะเล หรือ อานาโกะนั่นเองค่ะ สาเหตุที่เกาะมิยาจิม่าแห่งนี้เป็นแหล่งของปลาไหลก็มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับหอยนางรมค่ะ เนื่องจากหอยนางรมจะปล่อยโคลนออกมาและด้วยความที่มิยาจิม่ามีหอยนางรมรวมอยู่เป็นจำนวนมากจึงทำให้พื้นทะเลมีสภาพเป็นดินโคลน เป็นแหล่งที่อยู่ของปลาตัวเล็กๆ และกุ้งซึ่งเป็นอาหารของปลาไหลอีกที ทำให้ปลาไหลมารวมกันอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมากนั่นเอง
สำหรับเมนูปลาไหลของที่นี่ก็มีหลากหลายแบบ อาทิเช่น อานาโกะเมชิหรือข้าวหน้าปลาไหลแสนอร่อย และอานาโกะมังหรือซาลาเปาไส้อานาโกะที่หากได้กินในฤดูหนาวก็คงฟินไม่น้อย
โมมิจิมันจู (Momiji Manju)
เรียกได้ว่าเป็นของฝากขึ้นชื่อของมิยาจิม่าเลยค่ะ ขนมมันจู คือ ขนมแบบแป้งที่มีไส้เป็นถั่วแดงกวน สำหรับโมมิจิมันจูนั้นจะเป็นขนมมันจูที่ทำเป็นรูปใบไม้แดงเพื่อให้เข้ากับชื่อ โมมิจิดานิ (紅葉谷) สถานที่ชมใบไม้แดงชื่อดังบนเกาะมิยาจิม่านั่นเอง
ขนมชนิดนี้เริ่มทำมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1906 และทำต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้มีไส้ที่หลากหลายรสชาติ ทั้งชาเขียว ไส้ครีม ช็อคโกแล็ต และชีส นอกจากนี้ ยังมีโมมิจิมันจูแบบชุบแป้งทอดขายอีกด้วย โดยมีชื่อเรียกว่า 'อาเกะโมมิจิ' (揚げもみじ) ขอบอกว่าตอนที่ผู้เขียนไปนั้น แถวรอซื้ออาเกะโมมิจินั้นยาวสุดๆ ทำให้ซื้อกลับมาได้แค่โมมิจิมันจูแบบธรรมดาเท่านั้น แต่แบบธรรมดาก็อร่อยมากจนอยากลองกลับไปชิมแบบทอดเลยล่ะค่ะ
เคล็ดลับการเที่ยวเกาะมิยาจิม่าให้เก็บครบในรอบเดียว!
1. อย่าลืมตรวจสอบพยากรณ์อากาศ!
ขอบอกว่าสภาพอากาศเนี่ยมีผลต่อการท่องเที่ยวเกาะมิยาจิม่ามากๆ เลยค่ะ หากเป็นวันที่ฝนตกหรือมีเมฆมากท้องฟ้าจะดูอึมครึม ไม่ค่อยสวยเท่าไร ขึ้นโรปเวย์ก็จะไม่ค่อยเห็นวิวอะไร แต่หากวันไหนที่แดดออกและไม่มีเมฆ ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าสดใส น้ำทะเลจะเป็นประกายระยิบระยับ สวยงามมากเลยค่ะ รูปที่ถ่ายก็ออกมาดูดีแบบไม่ต้องแต่งรูปใดๆ เลยด้วย
นอกจากนี้ หากเป็นวันที่อากาศไม่ดีก็มีโอกาสที่โรปเวย์จะไม่เปิดให้บริการ หรือเปิดให้บริการแต่ปิดกลางคันทำให้กลับลงมาไม่ได้ และต้องนั่งรออยู่ด้านบนเป็นเวลานานด้วยค่ะ ฉะนั้นหากใครมีโอกาสไปเที่ยวหลายวันก็อย่าลืมดูพยากรณ์อากาศแล้วเลือกวันให้ดีๆ กันด้วยนะคะ
2. หากเลือกได้ควรไปแต่เช้า
สำหรับนักท่องเที่ยวหลายๆ คนอาจจะมีเวลาไปฮิโรชิม่าแค่วันเดียวเท่านั้น บางคนก็อาจจะสงสัยว่าจะไปมิยาจิม่าช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายดี สำหรับผู้เขียนแล้วอยากจะแนะนำให้ไปช่วงเช้ามากกว่าค่ะ
สาเหตุก็คือ ร้านรวงในมิยาจิม่านั้นจะปิดค่อนข้างเร็ว แค่ 17:00 น. ก็จะเหลือเปิดอยู่เพียงไม่กี่ร้านแล้ว เพราะฉะนั้นหากใครอยากลองชิมของอร่อยประจำเกาะหลายๆ อย่างก็ควรจะรีบไป ไม่ควรรอจนถึงตอนเย็นนะคะ
อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ พอตกช่วงบ่ายคิวโรปเวย์ขาลงจะยาว หากคนเยอะอาจต้องรอถึง 2 ชั่วโมง กว่าจะได้ลงก็เสียเวลาเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากใครอยากขึ้นโรปเวย์ให้มาแต่เช้าจะดีกว่าค่ะ จะได้มีเวลานั่งชิลล์ๆ ด้านบนและเหลือเวลาลงมาเดินเล่นหาของกินในตลาดด้านล่างด้วย
3. จะเดินให้เหนื่อยไปทำไม นั่งรถชัทเทิลบัสฟรีไปขึ้นโรปเวย์กันเถอะ
ปกติแล้วหากจะเดินจากท่าเรือไปถึงโรปเวย์จะต้องใช้เวลาเดินประมาณ 20 - 30 นาที และมีทางลาดชันพอสมควร สำหรับท่านที่อยากร่นระยะเวลา หรือไม่ค่อยสะดวกเดิน ก็สามารถขึ้นรถชัทเทิลบัสฟรีไปได้ โดยสามารถดูรายละเอียดป้ายรถบัสและเวลาที่ออกได้ที่เว็บไซต์นี้เลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ป้ายรถบัสนั้นอยู่ค่อนข้างห่างจากท่าเรือ และออกทุก 20 นาที ทำให้อาจจะต้องเสียเวลาในการรอหากมาผิดจังหวะ ดังนั้นหากใครมีผู้สูงอายุหรือผู้ที่เดินค่อยไม่สะดวกมาด้วย หรือใครที่ต้องการไปถึงโรปเวย์อย่างรวดเร็ว ขอแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่จะสะดวกและรวดเร็วกว่าค่ะ
4. อย่าลืมลองจองคิวโรปเวย์ผ่านเว็บไซต์
ในช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะอย่างวันเสาร์ - อาทิตย์ วันหยุดยาว หรือหน้าไฮซีซั่น ทางโรปเวย์จะเปิดให้จองคิวในการขึ้นโรปเวย์ได้ค่ะ โดยสามารถจองล่วงหน้าได้ถึง 3 เดือนเลยทีเดียว สำหรับใครที่ตั้งใจจะมา อย่าลืมลองเปิดเว็บไซต์ดูด้วยนะคะว่าวันที่เราจะมานั้นสามารถจองล่วงหน้าได้หรือไม่ จะได้ขึ้นโรปเวย์ได้อย่างสะดวกสบายไม่ต้องคอยนานค่ะ
เว็บไซต์ในการจอง (มีภาษาอังกฤษ)
5. ระวังเวลาปิดของโรปเวย์ด้วย
สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากในการขึ้นโรปเวย์เกาะมิยาจิม่า คือ เวลาปิดของโรปเวย์นั่นเองค่ะ โรปเวย์ของที่นี่จะต่างจากโรปเวย์บางแห่งที่จะมีถนนขึ้นมาด้วย เมื่อลงไม่ทันก็สามารถเรียกแท็กซี่มารับได้ แต่สำหรับที่นี่ หากลงไม่ทันจะต้องเดินลงจากเขาเองอย่างเดียวเลยค่ะ ซึ่งเส้นทางเดินลงจากเขานั้นมีหลายเส้นทาง แต่ละทางใช้เวลาถึง 1 - 2 ชั่วโมง ใครไม่ค่อยชินก็อาจจะค่อนข้างลำบากพอสมควร
ส่วนใครที่จะเดินลง ขอแนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับฤดูกาล ใส่ร้องเท้าที่เดินได้สะดวก และอย่าลืมเตรียมน้ำดื่มไปให้พร้อมนะคะ เพราะระหว่างทางอาจหาไม่ได้เลย หากไม่ได้เตรียมขึ้นไปแนะนำให้ซื้อที่ตู้กดน้ำที่จุดชมวิวก่อนลงมาค่ะ
มิยาจิม่า เกาะสวยๆ ที่ไม่ได้มีแค่ประตูสีแดง
เป็นอย่างไรบ้างคะ ถึงแม้ประตูโทริอิจะปิดซ่อมอยู่ แต่เกาะมิยาจิม่าก็มีทั้งศาลเจ้าและทัศนียภาพอันสวยงาม รวมไปถึงอาหารอร่อยๆ ที่หารับประทานที่อื่นได้ยากด้วย หากใครมีโอกาสได้มาเที่ยวก็อย่าลืมลองใช้เคล็ดลับที่ได้บอกไปในบทความนี้ในการวางแผนและท่องเที่ยวนะคะ หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวเกาะมิยาจิม่า 1 ใน 3 สถานที่ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นกันนะคะ
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่