แนะนำ 8 ที่พักสุดหรูแสนสบายในญี่ปุ่นและภูมิภาคคันไซ
พื้นที่ภูมิภาคคันไซเป็นที่ตั้งของมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง รวมถึงมรดกโลกและทรัพย์สินประจำชาติ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คันไซเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ในบทความนี้ เราจึงอยากมาแนะนำที่พักสุดหรูใน 6 จังหวัดของภูมิภาคคันไซ ได้แก่ โอซาก้า เกียวโต เฮียวโกะ นารา ชิกะ และวากายาม่าที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีทั้งโรงแรมวิวสวย ที่พักพร้อมมื้ออาหารสุดพิเศษ และห้องพักในเรียวกังที่มีออนเซ็นแบบส่วนตัว นับเป็นที่พักในฝันที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต!
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ที่พักในโอซาก้า (大阪)
โอซาก้าเป็นจังหวัดที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองแห่งการค้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ และในปัจจุบันก็เป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารและแหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง อย่าง "ย่านโดทงโบริ" (道頓堀) ที่มีสัญลักษณ์เป็นป้ายรูปปูยักษ์และซูชิขนาดใหญ่ กับ "ถนนมิโดสุจิ" (御堂筋) ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมและห้างสรรพสินค้าอีกมากมายหลายแห่ง
นอกจากนี้ ในพื้นที่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ทรงพลังอย่าง "ปราสาทโอซาก้า" (大阪城) สวนสนุกที่มีทั้งเครื่องเล่นและโชว์พิเศษภายใต้ธีมจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดและอนิเมะญี่ปุ่นอย่าง Universal Studio Japan หรือจุดท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน "20 สิ่งก่อสร้างตัวแทนระดับโลก" โดย THE TIMES อย่าง "ตึกอุเมดะ" (梅田スカイビル)
ด้วยเหตุนี้ โอซาก้าจึงเป็นเมืองที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเที่ยวหมดได้ภายในวันเดียว
1. InterContinental Osaka
โรงแรม 5 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์ Grand Front Osaka ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ตัวโรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ JR โอซาก้า และรถไฟใต้ดินสาย Midosuji สถานีอุเมดะ ในระยะเดินเพียง 5 นาที ภายในมีห้องพักทั้งหมด 272 ห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่มีพื้นที่ราว 50 ตารางเมตร ทั้งกว้างขวางและปลอดโปร่ง แต่หากคุณอยากเข้าพักแบบหรูหราในระยะยาว เราก็ขอแนะนำให้พักแบบ Residence ซึ่งเป็นบ้านพักสไตล์ที่อยู่อาศัยที่มีทั้งเครื่องซักผ้า ห้องครัวพร้อมเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครันจนคุณสามารถใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเป็นคนญี่ปุ่นได้จริงๆ ตัวเลือกนี้สามารถรองรับผู้เข้าพักจำนวนมากได้ ดังนั้น แม้คุณจะมากันทั้งครอบครัวก็ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย
นอกจากนี้ ที่นี่ก็มีห้องอาบน้ำสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศแบบออนเซ็นด้วย! นับเป็นจุดเด่นที่มีเอกลักษณ์และหายากแม้แต่ในหมู่โรงแรมชั้นสูงด้วยกันเอง อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำและฟิตเนสอยู่ในโรงแรมให้คุณได้ไปขยับร่างกายกันเบาๆ ด้วยเช่นกัน รับรองว่าคุณจะได้ดื่มด่ำไปกับความสุนทรีย์สไตล์ตะวันออกระหว่างที่เข้าพักและผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในโรงแรมชั้นเลิศนี้อย่างแน่นอน
ที่พักในเกียวโต (京都)
เกียวโตเคยเป็นศูนย์กลางการเมืองและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 1,100 ปี จนถึงช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18 ที่ญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาเป็นประเทศสมัยใหม่ คุณจึงสามารถชมสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ วัดและศาลเจ้า รวมถึงทาวน์เฮ้าส์ที่สวยแปลกตาได้ทุกหนแห่งในจังหวัดนี้
คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของฤดูกาลทั้งสี่ได้ในเกียวโต และสิ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การชมซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนั้นก็ยังมีวัดและศาลเจ้าหลายแห่งที่จัดงานประดับไฟไลท์อัพในตอนกลางคุณ ให้คุณได้ชมความงามชั้นยอดของทั้งสองฤดูกาลกันอย่างเต็มที่ด้วย
วันนี้เราจึงเลือกที่พักที่คุณสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายแม้ในยามค่ำคืน กับโรงแรมหรูที่มีบรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ มาแนะนำให้รู้จักกัน!
2. The Hotel Seiryu Kyoto Kiyomizu
"โรงแรมเซริว เกียวโต ชิมิสึ" แห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การนำอาคารที่เคยเป็นโรงเรียนประถมชิมิสึซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1933 มาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ คุณสามารถมาสัมผัสกับประสบการณ์การชงชาเขียวมัทฉะด้วยตัวเองได้ในโซน Guest Lounge (ซึ่งเราอยากแนะนำให้ลองมากๆ) อีกทั้งยังสามารถชมวิวของ "วัดโฮคันจิ" (法観寺) และ "เจดีย์ยาซากะ" (八坂の塔) จากทางหน้าต่าง ระหว่างที่เพลิดเพลินไปกับรสชาติของชาเขียว ของว่าง และขนมหวานสไตล์เกียวโตที่แจกฟรีได้ด้วย
ที่นี่มีห้องพักหลายห้องที่สามารถมองเห็นวัดโฮคันจิและเจดีย์ยาซากะได้ ในจำนวนทั้งหมดนี้ ห้องที่ใหญ่ที่สุดจะกว้างถึง 136.3 ตารางเมตร เป็นห้องสวีทที่มีวิวพาโนรามาอันยอดเยี่ยม แม้แต่ผนังห้องน้ำก็เป็นกระจก คุณจึงสามารถอาบน้ำและเข้านอนได้พร้อมกับทัศนียภาพสุดงดงามของเจดีย์ยาซากะที่อยู่ไกลๆ ได้
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดท่องเที่ยวแสนสำคัญอย่าง "ฮิกาชิยามะ" (東山) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์และไม่ควรพลาด รอบโรงแรมเต็มไปด้วยสมบัติประจำชาติ ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมญี่ปุ่น และแลนด์มาร์คประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย ตัวอย่างเช่น "วัดคิโยมิสึ" (清水寺) นอกจากนั้นก็ยังมีจุดท่องเที่ยวที่มีการประดับไฟสำหรับการเที่ยวชมในตอนกลางคืน และสถานที่ที่สามารถไปเที่ยวตั้งแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนได้ด้วย บอกเลยว่าคุณจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของเกียวโตอย่างเต็มที่แน่นอน
3. Kiraku Kyoto Aneyakoji
โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่ผสานดีไซน์อันทันสมัยเข้ากับทาวน์เฮ้าส์สไตล์เกียวโตแบบดั้งเดิมที่สร้างจากไม้ เรียกว่า "เคียวมาจิยะ" (京町家) ซึ่งมีอายุประมาณ 90 ปี ตัวโรงแรมอยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง "ปราสาทนิโจ" (二条城) ภายในเป็นที่พักแบบห้องเช่าที่สามารถรองรับผู้เข้าพักได้สูงสุด 5 คน จึงเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบกลุ่มและแบบครอบครัว แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับแขกคนอื่นๆ ด้วย
เมื่อคุณก้าวเข้าประตูหน้าไป ก็จะได้พบกับทางเดินยาวที่ดูโล่ง โปร่งสบาย และละมุนตาไปด้วยแสงไฟอันนุ่มนวลที่ส่องผ่านกระดาษวาชิญี่ปุ่นที่เป็นวัสดุพื้นฐานสำหรับการตกแต่งทาวน์เฮ้าส์สไตล์เกียวโตแบบดั้งเดิม ที่สุดปลายทางเดินจะเป็นห้องอาบน้ำ มีทั้งแบบในร่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวนเซ็นญี่ปุ่น และแบบกลางแจ้งที่ออกแบบโดยนักออกแบบไฟแรงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นผลงานที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานมากพอๆ กับความสวยงามเลย
เมื่อคุณขึ้นไปยังชั้น 2 ก็จะได้พบกับพื้นที่ที่ทั้งโปร่งและสว่างสบายตา ซึ่งนักออกแบบตั้งใจให้มีบรรยากาศเหมือนห้องที่ใช้ในพิธีชงชา แล้วคุณก็สามารถเพลิดเพลินไปกับชาเขียวมัทฉะได้ที่นี่จริงๆ เสียด้วย
นอกจากนี้ ทางโรงแรมก็ยังมีอาหารเช้าเป็นเมนูมังสวิรัติสไตล์เกียวโตซึ่งแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครด้วย! อาหารเหล่านี้ส่งตรงมาจากร้านดังในเกียวโตที่เปิดทำการมานานแล้ว ทุกจานล้วนปราศจากเนื้อสัตว์และอาหารทะเล แต่จะเน้นการใช้วัตดุดิบอย่างธัญพืช ถั่ว ผัก ฯลฯ ตามตำราอาหารชาวพุทธ คุณจะสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งเซ็นและประเพณีอาหารของเกียวโตอย่างแน่นอน
ที่พักในเฮียวโกะ (兵庫)
เฮียวโกะเป็นจังหวัดที่คุณสามารถสนุกกับการท่องเที่ยวสไตล์เมืองท่า ออนเซ็น และปราสาทได้อย่างเต็มที่ ศูนย์กลางของจังหวัดนี้อยู่ที่ "โกเบ" (神戸) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ และเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองท่า หลังจากที่มีการเปิดท่าเรือโกเบใน ค.ศ. 1868 ที่นี่จึงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมจากหลายๆ ประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขาย นอกจากนั้น จังหวัดเฮียวโกะก็ยังมีย่านดาวน์ทาวน์ที่เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง แถมยังมีเมนูเด็ดอย่าง "เนื้อโกเบ" (神戸牛) ให้คุณได้ดื่มด่ำกับรสชาติอร่อยล้ำ กับ "ปราสาทฮิเมจิ" (姫路城) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษจากโกเบได้ในเวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้น!
พื้นที่ทางตอนเหนือของเฮียวโกะเป็นที่ตั้งของ "คิโนะซากิออนเซ็น" (城崎温泉) ย่านน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงระดับโลก แถมยังได้รับรางวัล 2 ดาวในฐานะแหล่งออนเซ็นยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนญี่ปุ่นด้วย เราขอแนะนำให้คุณไปลองแช่ออนเซ็นให้ครบทั้ง 7 แห่ง ระหว่างที่เดินเล่นไปบนสะพานหินสุดมีสไตล์ที่เรียงรายไปด้วยต้นหลิวริมแม่น้ำด้วย
ทีนี้ เราก็มาดูที่พักแนะนำ 2 แห่งที่อยู่ทั้งในโกเบและย่านคิโนะซากิออนเซ็นกันเลยดีกว่า
4. Hotel La Suite Kobe Harborland
ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมชั้นสูงของเครือโรงแรมระดับโลก Small Luxury Hotels of The World (SLH) ที่จดทะเบียนครั้งแรกในญี่ปุ่น ตัวห้องพักตกแต่งมาในสไตล์ยุโรป อีกทั้งยังมีระเบียงกว้างที่คุณสามารถออกไปยืนรับลมทะเลและสัมผัสกับช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมได้
นอกจากนี้ หากคุณได้มีโอกาสมาเที่ยวโกเบแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะลิ้มรสเนื้อโกเบอันเลื่องชื่อด้วย และเนื่องจากโรงแรมแห่งนี้มีร้านอาหารอยู่ 2 แห่ง คือ ร้านอาหารฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับ และร้านเทปปันยากิสไตล์ญี่ปุ่น คุณจึงสามารถลองชิมเนื้อโกเบชั้นยอดภายใต้ธีม Cuisine Terrior* ได้ทั้งสองร้านเลย
*Cuisine Terrior หมายถึง อาหารท้องถิ่นที่ผลิตและบริโภคเองในพื้นที่
อ่างอาบน้ำทรงกลมที่อยู่ในภาพด้านบนนี้เรียกว่า View Bath ซึ่งมีอยู่ในห้องพักส่วนใหญ่ คุณสามารถซื้อบริการเสริมเพื่อให้ทางโรงแรมเตรียมน้ำอุ่นๆ โรยกลีบกุหลาบให้คุณได้ด้วย บอกเลยว่าแช่เพลินสุดๆ !
ไม่มีอะไรจะหรูหราและยอดเยี่ยมไปกว่าการได้อาบน้ำและชมทิวทัศน์ของโกเบยามค่ำคืนไปพร้อมๆ กับการจิบเครื่องดื่มเจ๋งๆ อีกแล้ว
5. Nishimuraya Honkan
เรียวกังชั้นสูงอายุกว่า 160 ปีนี้ เป็นหนึ่งในที่พักที่ได้เป็นสมาชิกของเครือโรงแรมและร้านอาหารชั้นหนึ่งระดับโลกอย่าง Relais & Châteaux ที่มักจะคัดสรรผู้เข้าร่วมอย่างดี จึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่น แต่นอกจากนั้นก็ยังมีแฟนๆ ในต่างประเทศอีกมากมายด้วย เป็นตัวเลือกที่เราอยากแนะนำให้ผู้ที่อยากลองพักค้างคืนในเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม
ภายในที่พักจะมีสวนญี่ปุ่นให้คุณสามารถเดินเล่นชมวิวธรรมชาติได้ในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้สีเขียวขจี ใบไม้เปลี่ยนสี หรือหิมะขาวโพลน อีกทั้งยังมีออนเซ็นและห้องอาบน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 3 แห่งอยู่ในเรียวกังด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างคิโนะซากิออนเซ็นที่มีบ่อน้ำพุร้อนถึง 7 บ่อ แต่คุณก็สามารถสัมผัสกับประสบการณ์การแช่ออนเซ็นกลางแจ้งที่นี่ได้เช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีอีก 4 ห้องพักที่มีออนเซ็นกลางแจ้งแบบส่วนตัวให้คุณได้เพลิดเพลินอย่างสบายใจ
ในส่วนของอาหารเย็น คุณก็จะได้ลิ้มรส "เนื้อทาจิมะ" (但馬牛) ที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่นี่ รวมถึงอาหารทะเลที่ส่งตรงมาจากทะเลญี่ปุ่น และหากคุณมาในช่วงฤดูหนาว (ต้นเดือนพฤศจิกายน - ปลายมีนาคม) ก็สามารถทาน "ปูมัตสึบะ" (松葉) เนื้อหวานฉ่ำได้ด้วยเช่นกัน และเนื่องจากทางเรียวกังจะมีบริการเสิร์ฟอาหารในห้องพัก คุณจึงสามารถดื่มด่ำกับรสชาติความอร่อยนี้ได้โดยไม่ต้องแคร์สายตาคนรอบข้างเลย
นอกจากนี้ ที่นี่ก็ยังมีส่วนที่เรียกว่า "ฮิราตะคัง" (平田館) ซึ่งออกแบบโดยปรมาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมแบบสุกิยะ และได้รับแรงบันดาลใจมาจากห้องทำพิธีชงชาด้วย ห้องนี้จึงมีบรรยากาศที่ดูเรียบง่ายและกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่ถึงแม้จะดูเรียบง่าย ภายในก็กลับแฝงไปด้วยความงดงามด้านสุนทรียศาสตร์ชั้นสูงที่มีการใช้วิวธรรมชาติภายนอกเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งด้วย
ที่พักในนารา (奈良)
นาราถือเป็นจังหวัดที่มีมรดกโลกและสมบัติประจำชาติมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของญี่ปุ่นก่อนจะมีการย้ายเมืองหลวงไปยังเกียวโตใน ค.ศ. 794 อีกทั้งยังเป็นสถานีปลายทางของเส้นทางสายไหม (Silk Road) นาราจึงเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองและเปี่ยมไปด้วยสีสันของวัฒนธรรมต่างๆ มากมาย
แหล่งท่องเที่ยวของนาราสามารถแบ่งอย่างคร่าวๆ ได้เป็น 4 พื้นที่
ที่แรกคือ "นิชิโนะเคียว" (西ノ京) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลกสองแห่ง ได้แก่ "วัดยาคุชิจิ" (薬師寺) และ "วัดโทโชไดจิ" (唐招提寺) จากตรงนี้ไปทางทิศตะวันออก จะเป็นพื้นที่ของ "สวนสาธารณะนารา" (奈良公園) ที่มีชื่อเสียงในเรื่องกวาง นอกจากนี้ พื้นที่กว่า 660 เฮกตาร์ของสวนแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่าง "วัดโทไดจิ" (東大寺) ที่มีพระพุทธรูปขนาดยักษ์อันโด่งดัง, "ศาลเจ้าคาสุกะไทฉะ" (春日大社) ที่มีโถงทางเดินสีแดงอันสวยงาม, "วัดโคฟุคุจิ" (興福寺) และอื่นๆ อีกมากมาย
ในอีกด้านหนึ่ง พื้นที่ภาคตะวันออกของนารามีเขตหนึ่งที่ชื่อ "อิรุกะ-อิไมโจ" (斑鳩・今井町) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "วัดโฮริวจิ" (法隆寺) มรดกโลกอีกแห่งหนึ่งที่มีสิ่งก่อสร้างจากโครงไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น
แต่หากคุณมาเที่ยวนาราในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็ไม่ควรพลาดการชมซากุระแห่ง "ภูเขาโยชิโนะ" (吉野山) อันสวยงามตระการตา ภูเขาแห่งนี้เองก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในฐานะ "แหล่งศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางจาริกแสวงบุญในเทือกเขาคิอิ" (紀伊山地の霊場と参詣道) ด้วยเช่นกัน
6. Asukasou
ที่พักแห่งนี้เหมาะกับผู้ที่เน้นการเที่ยวชมเมืองนาราเอามากๆ เพราะอยู่ห่างจากสถานีคินเท็ตสึ-นารา (近鉄奈良駅) เพียง 8 นาที อีกทั้งยังสามารถเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง "วัดโคฟุคุจิ" และ "สวนสาธารณะนารา" ได้ในเวลาเพียง 5 นาที! หากคุณจะมาพักที่นี่ เราขอแนะนำให้เลือกห้องที่สามารถมองเห็นวิวของเจดีย์ห้าชั้นของวัดโคฟุคุจิดู เพราะคุณจะได้ชมทิวทัศน์แบบเดียวกับผู้คนในสมัย 1,300 ปีก่อนจากห้องพักได้ตรงๆ เลย อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินไปกับสีสันของท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นได้ด้วย
นอกจากนี้ คุณก็สามารถชมวิวสวยๆ จากห้องอาบน้ำกลางแจ้งที่อยู่ชั้นบนสุดของทางโรงแรมได้เช่นกัน ที่นี่มีทั้งบ่อรวมและบ่อส่วนตัวสำหรับผู้ที่ไม่ชอบแช่รวมกับคนอื่นด้วย ตัวเจดีย์ห้าชั้นจะมีการเปิดไฟประดับตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึง 22:00 น. คุณจึงสามารถชมวิวสวยๆ ได้ถึงช่วงกลางดึกเลยทีเดียว
*Asukasou สร้างขึ้นครั้งแรกใน ค.ศ. 730 และมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ. 1426
โรงแรมแห่งนี้มักจะเสิร์ฟอาหารให้ถึงห้อง เป็น "ชุดอาหารไคเซกิ" (会席料理) ที่มีทั้งอาหารทะเลสดใหม่และวัตถุดิบตามฤดูกาลซึ่งบอกได้เลยว่าอร่อยมากๆ ไฮไลท์ของมื้ออาหารจะอยู่ที่ "ไซเกียวยากิเนื้อคุโรเกะวากิว" (黒毛和牛の西京焼き) รสชาติเข้มข้น และ "ซาชิมิกุ้งอิเสะ" (伊勢海老のお造り) ที่เป็นกุ้งล็อบสเตอร์เนื้อหวานฉ่ำอร่อยลิ้น นอกจากนั้น อาหารมื้อเช้าก็ยังมีเมนูข้าวต้มชาที่เรียกว่า "ชากายุ" (茶粥) ซึ่งใช้ชาโฮจิฉะในการหุงด้วย เป็นอาหารท้องถิ่นประจำจังหวัดนาราที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของชาไประหว่างรับประทาน
ที่พักในชิกะ (滋賀)
จังหวัดชิกะเป็นพื้นที่ที่อยู่รอบทะเลสาบบิวะ (琵琶湖) ที่นี่ก็เต็มไปด้วยสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นมากมายเช่นกัน อย่าง "ปราสาทฮิโกเนะ" (彦根城) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การ UNESCO, "วัดฮิเอซัน เอ็นเรียคุจิ" (比叡山延暦寺) และ "ศาลเจ้าโอมิจิงกู" (近江神宮) ที่มีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบโบราณซึ่งบอกเลยว่าควรไปชมให้ได้สักครั้ง
หากคุณอยากเดินเล่นสบายๆ ในเมือง เราก็ขอแนะนำบริเวณ "คลองฮาจิมันโบริ" (八幡堀周辺) ที่อยู่ในเมืองโอมิฮาจิมันอันเก่าแก่ คุณสามารถเดินชมวิวไปตามลำน้ำระหว่างที่ชมทิวทัศน์ของเมืองโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 ได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งยังมีย่านที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อค้าที่อยู่บน "ถนนชินมาจิ" (新町通り) ที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย ถนนสายนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 - 19 และได้รับการรักษาให้คงสภาพเดิมมาจนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เมืองโอมิฮาจิมันกลายเป็นจุดถ่ายภาพยนตร์ย้อนยุคที่มีชื่อเสียง หากคุณลองมาเดินก็จะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบโบราณไปตลอดทางเลย
7. Hotel Koo Otsuhyakucho
คุณเคยมีประสบการณ์เดินเล่นในเมืองสวยๆ แล้วรู้สึกว่าอยากอยู่ที่นั่นตลอดไปเลยไหม? บอกเลยว่าคุณสามารถทำได้ที่โรงแรมแห่งนี้! (อย่างน้อยก็ในระยะเวลาสั้นๆ) เพราะที่นี่สร้างขึ้นจากบ้านญี่ปุ่นอายุกว่าร้อยปีทั้งหมด 7 หลังที่ได้รับการรีโนเวทใหม่ บอกเลยว่าเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและการตกแต่งภายในแบบโมเดิร์นที่ไร้ที่ติสุดๆ นอกจากนี้ บ้าน 5 ใน 7 หลังก็เปิดบริการให้คุณเช่าทั้งหลังได้ด้วย ถือเป็นโอกาสดีที่คุณได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรามีสไตล์ตลอดเวลาที่อยู่ในชิกะเลยทีเดียว
เนื่องจากบ้านแต่ละหลังจะมีสไตล์การตกแต่งภายในที่ไม่เหมือนกัน เราจึงขอให้คุณใช้เวลากับเลือกแบบที่ชอบที่สุดด้วย
โรงแรมแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่ให้คำแนะนำเรื่องการท่องเที่ยวได้หลายภาษา อีกทั้งยังมีบริการยกกระเป๋าให้คุณตอนที่เข้าเช็คอินด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีบริการเครื่องดื่ม ของว่าง และอาหารมื้อเบาๆ ในช่วงกลางคืน กับอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นที่ทำจากวัตถุดิบออร์แกนิคที่จะมอบพลังงานให้คุณอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมสำหรับการลุยเที่ยวอย่างสนุกสนานทั้งวันด้วย (ต้องจองล่วงหน้า)
ที่พักในวากายาม่า (和歌山)
จังหวัดวากายาม่าเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น "ภูเขาโกย่า" (高野山) "ศาลเจ้าคุมาโนะนาชิ ไทฉะ" (熊野那智大社) หรือ "น้ำตกนะชิ" (那智大滝) ทั้งหมดล้วนรวมกันอยู่ใน "แหล่งศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางจาริกแสวงบุญในเทือกเขาคิอิ" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เส้นทางโบราณอันลึกลับที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ของที่นี่มักจะดึงดูดนักท่องเที่ยวสายผจญภัยจากทั่วโลกให้มาเยือนได้เสมอๆ
"เมืองชิราฮามะ" (白浜) และ "เมืองคุชิโมโตะ" (串本) ที่อยู่บริเวณตอนใต้ของคาบสมุทรคิอิ จังหวัดวากายาม่านี้เป็นแหล่งรวมตัวของรีสอร์ทริมทะเลที่มีทัศนียภาพสุดงดงามของหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสดใส นอกจากจะเหมาะกับการว่ายน้ำแล้ว ที่นี่ก็ยังมีจุดดำน้ำลึกดีๆ สำหรับการชมปะการังโต๊ะด้วย ว่ากันว่านี่เป็นจุดชมปะการังชนิดนี้ที่อยู่เหนือสุดของโลกเลยทีเดียว
8. Kaishu
ที่พักแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งที่สามารถเห็นวิวของแนวชายหาดอันยอดเยี่ยมได้ เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่อยู่ปลายสุดของแหลมที่หันหน้าเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ที่นี่มีทั้งห้องอาบน้ำรวมขนาดใหญ่ และที่อาบน้ำกลางแจ้งขนาดเล็กอีก 3 แห่งอยู่บนทางเดินที่มุ่งหน้าลงสู่ทะเล เป็นบ่อที่คุณสามารถเช่าเพื่ออาบน้ำแบบส่วนตัวระหว่างที่ชมวิวสวยๆ ไปพร้อมๆ กันได้ นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้สนไซเปรส, อ่างหิน หรือบ่อหินธรรมชาติ แต่หากถามเราแล้วล่ะก็ ขอแนะนำว่าควรลองให้ครบทุกแบบเลย!
สำหรับมื้ออาหารค่ำ ที่นี่จะมีบริการอาหารชุดแบบไคเซกิที่ปรุงด้วยวัตถุดิบอาหารทะเลตามฤดูกาล อย่างปลามากุโร่ที่เดินทางมาพร้อมกับ "กระแสน้ำอุ่นคูโรชิโอะ" (黒潮) และ "เนื้อคุมาโนะ" (熊野牛) เนื้อวัวคุณภาพสูง แต่หากคุณยังไม่อิ่มล่ะก็ ที่นี่ยังมีบริการราเมงตอน 22:00 น. ของทุกคืนด้วย รับรองว่าช่วยเติมพลังที่เสียไปกับการเล่นน้ำได้อย่างแน่นอน
ส่งท้าย
ภูมิภาคคันไซเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่เต็มไปด้วยทรัพย์สินทางวัฒนธรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมรดกโลก หรือสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายต่อหลายแห่งรอให้คุณไปเยือน หากคุณต้องการเที่ยวอย่างสะดวกสบายแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้เลือกที่พักชั้นสูงที่มีบรรยากาศดีๆ เดินทางง่ายและอยู่สบาย ซึ่งเหมาะสำหรับการค้างคืนเป็นเวลานานๆ และหากคุณกำลังวางแผนจะมาเที่ยวคันไซอยู่ล่ะก็ อย่าลืมเก็บที่พักในบทความนี้ไว้เป็นตัวเลือกด้วยนะ
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่