【เกร็ดน่ารู้】มาญี่ปุ่นแล้วจะแลกเงินเยนที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ดีนะ!?
หากคุณมีพร้อมทั้งตั๋วเครื่องบินและกระเป๋าสัมภาระแล้วกำลังจะออกเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น อย่าลืมตรวจดูว่าคุณมีเงินเยนแล้วหรือยัง แม้ว่าบัตรเครดิตและสกุลเงินระบบดิจิตอลนั้นได้เริ่มแพร่หลายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นประเทศที่ใช้เงินสดเป็นหลัก ดังนั้น เพื่อให้คุณได้หาเงินเยนอันแสนยากนี้ได้มากที่สุด เราจึงอยากขอแนะนำข้อมูลที่เกี่ยวกับการแลกเงินในประเทศญี่ปุ่นให้ทุกคนได้ทราบกัน
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
ความรักในเงินสดของญี่ปุ่น
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่น (โดยเฉพาะกรุงโตเกียว) จะเป็นประเทศศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยี แต่ก็ยังมีการใช้เงินสดอยู่เป็นหลัก และที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่นมากๆ ก็คือข้อสรุปจากรายงานปี 2017ที่ระบุไว้ว่า อัตราของผู้เป็นเจ้าของบัตรเครดิต คือ ประมาณ 2.8 ต่อคน ซึ่งเท่ากับประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียเลยทีเดียว
มีหลายความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ว่าทำไมเงินสดถึงยังเป็นใหญ่ในญี่ปุ่นจนทุกวันนี้ เพราะค่าธรรมเนียม ATM ที่ค่อนข้างสูง และธนาคารก็จะคิดค่าบริการสำหรับการถอนเงินจาก ATM นอกเวลาทำการเป็นปกติ นอกจากนี้ ATM บางเครื่องไม่ยอมให้ถอนเงินนอกช่วงเวลาทำการของธนาคารด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับธนาคารที่คุณใช้ แต่นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับธนาคารญี่ปุ่น
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก เช่น ร้านราเมงในท้องถิ่น ก็อยากหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตที่ค่อนข้างสูง จึงเลือกที่จะไม่รับบัตรเครดิต บางคนเชื่อว่าการพึ่งพาเงินสดเป็นนิสัยที่เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนจากความสูงและต่ำสุดของเศรษฐกิจ จึงทำให้ยังมีความรู้สึกปลอดภัยที่มีเงินสดอยู่ในมือมากกว่าการเชื่อจำนวนตัวเลขในหน้าจออยู่
ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไรก็ตาม ก็ยังโชคดีที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก ถึงขนาดขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมต่ำที่สุดในโลก และกรุงโตเกียวก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เพราะโตเกียวเป็นเมืองที่มีอัตราการก่ออาชญากรรมสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยเคยมีตัวเลขระบุไว้อยู่ที่ 93,745 ครั้งทั่วทั้ง 23 เขตในโตเกียว แต่ด้วยจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ประมาณ 9,500,000 คน จำนวนอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจึงคิดเป็นอัตราเพียง 0.99% สำหรับเมืองที่อันตรายที่สุดในประเทศแห่งนี้ เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว คุณก็คงจะสามารถนึกภาพได้ว่าประเทศญี่ปุ่นนั้นปลอดภัยมากขนาดไหน
หากคุณทำกระเป๋าสตางค์หาย ก็มีโอกาสสูงที่จะได้คืนโดยที่เงินยังอยู่ครบ คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกสบายใจที่จะถือเงินหลายร้อยดอลลาร์ไว้ในกระเป๋าสตางค์ ดังนั้น หากคุณคิดว่าจะถือเงินสดไว้สักหน่อยเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็ค่อนข้างคุ้มค่าเลยทีเดียว
ควรแลกเงินเมื่อไหร่
เมื่อวางแผนที่จะไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น คำถามที่จะเกิดขึ้นก็คือ ควรจะแลกเงินไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนออกเดินทางหรือควรแลกเงินที่ญี่ปุ่นดี หากคุณต้องการที่จะประหยัดเงิน การรอไปแลกเงินที่ญี่ปุ่นก็เป็นความคิดที่คุ้มค่าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
บางร้านจะเรียกเก็บ "ค่าธรรมเนียมสกุลเงินต่างประเทศ" เพิ่มเติมหรือค่าคอมมิชชั่นซึ่งอาจจะทำให้เงินที่คุณกันไว้สำหรับใช้จ่ายในวันหยุดหดหายไปได้ เมื่อพิจารณาว่าเงินสดเป็นศูนย์กลางของญี่ปุ่นแล้ว เพื่อความสบายใจคุณควรแลกเงินสดไปก่อนจำนวนหนึ่งไว้สำหรับเป็นค่าเดินทางไปที่พัก พอถึงที่พักและพร้อมที่จะออกสำรวจบริเวณรอบๆ แล้ว ก็ได้เวลาหาตู้ ATM ที่รองรับบัตรต่างประเทศเพื่อถอนเงินแล้วล่ะ
ตู้ ATM ที่รองรับบัตรต่างประเทศ
ทำการบ้านไปล่วงหน้าก่อนออกไปหาตู้ ATM สักหน่อย แล้วคุณจะได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดอย่างแน่นอนเพราะแต่ละธนาคารนั้นมีค่าธรรมเนียมการถอนเงินที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ว่าค่าธรรมเนียมจะต่างกันยังไง กฎหลักในการถอนเงินก็คือให้ถอนเงินสดครั้งละมากๆ จะเป็นการช่วยคุณประหยัดเงินได้มากที่สุด ซึ่งนอกเหนือจากตู้ ATM แล้ว ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีก ซึ่งเราจะพูดถึงกันต่อไป
ร้านสะดวกซื้อ (หรือที่เรียกกันว่า "คอมบินิ" ในประเทศญี่ปุ่น) จะเป็นผู้ช่วยชีวิตของคุณ เพราะนอกจากร้านสะดวกซื้อจะของใช้จำเป็นในแต่ละวัน อาหารดีๆ กับบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จำหน่ายแล้ว ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ก็ยังรับบัตรเครดิตต่างชาติอีกด้วย ยิ่งถ้าหากเป็น 7-Eleven ATM ที่รู้จักกันในนาม 7 Bank ATM ก็สามารถถอนเงินสดได้จากร้านเลยด้วย
สำหรับ FamilyMart และ Lawson ที่เป็น 2 ร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ก็ให้บริการ ATM ระหว่างประเทศแล้วเช่นกัน ซึ่งหากคุณท่องเที่ยวอยู่ในแถบหัวเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลเป็นส่วนใหญ่ ก็ให้มองหา 7-Eleven ไว้จะปลอดภัยที่สุดเพราะมีสาขามากที่สุดในบรรดา 3 เจ้า และรองรับบัตรเครดิตต่างประเทศเกือบทุกชนิด ซึ่งการอยู่ในร้านสะดวกซื้อแปลว่าคุณสามารถใช้บริการได้ทุกวันทุกเวลา
ATM ของไปรษณีย์ญี่ปุ่นก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน คุณจะเจอตู้ ATM ที่รองรับบัตรเดรดิตต่างประเทศเกือบทุกแบบเหล่านี้ได้ที่บริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์ญี่ปุ่น แต่ปกติแล้วจะสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาทำการของไปรษณีย์เท่านั้น แต่ถ้าอยู่ในย่านที่พลุกพล่านก็จะใช้บริการในวันเสาร์ได้เป็นบ้างครั้ง
ร้านแลกเงิน
คุณสามารถหาร้านแลกเงินได้ในสนามบิน สถานีรถไฟบางแห่ง และในตัวเมือง ซึ่งร้านแลกเงินเหล่านี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแลกเงินเป็นเงินเยน หรือแลกจากเยนเป็นเงินสกุลอื่นที่คุณต้องการ ร้าน World Currency Shop เป็นร้านแลกเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รองรับเงินสกุลต่างประเทศจำนวนมาก สามารถดูได้จากในเว็บไซต์ของทางร้าน
ร้าน Daikokuya ที่ถึงแม้จะรองรับเพียงแค่ 12 สกุลเงิน แต่คุณจะเห็นสาขาของร้านแลกเงินนี้อยู่เกือบทุกหนทุกแห่ง เพราะมีกว่า 40 สาขาในโตเกียว และยังมีสาขาอยู่ทั่วประเทศด้วย คุณสามารถค้นหาสาขาของทางร้านได้จากเว็บไซต์ของทางร้าน
สำหรับร้านใช้ภาษาอังกฤษได้ดีที่สุด คือร้าน Sakura Currency Service เนื่องจาก Sakura เป็นบริษัทท่องเที่ยวที่ให้บริการหลากหลาย มีตัวแทนด้านที่พักอาศัยและ ดูแลเกี่ยวกับทัวร์ บาร์และร้านกาแฟในโตเกียว ซึ่งมีอยู่หลายสาขาเลยในโตเกียว แถมหลายสาขาก็มีบริการเสริมสำหรับนักท่องเที่ยว อย่างเช่น บริการรับฝากสัมภาระฟรี ชาฟรีและพื้นที่พักผ่อนพร้อม Wi-Fi ฟรี พนักงานหลายคนในร้านส่วนใหญ่จึงพูดได้สองภาษา
ทางเลือกอื่นสำหรับการแลกเงิน
นอกเหนือจากตู้ ATM และร้านแลกเงินแล้ว ก็ยังมีทางเลือกอื่นที่ถึงแม้จะไม่ใช่ทางเลือกอันดับต้นๆ เพราะค่อนข้างแพงและไม่สะดวก แต่รู้เอาไว้ก็ไม่เสียหายนี่นะ
・ธนาคาร - ธนาคาร Shinsei ให้บริการแลกเงินสำหรับชาวต่างชาติ ทั้งยังมีบริการฝากเงินในสกุลเงินต่างประเทศสำหรับผู้ที่วางแผนที่จะย้ายมาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย อีกที่คือธนาคาร Mizuho มีร้านแลกเงินของตัวเองที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่สนามบินนาริตะและสนามบินฮาเนดะ
・โรงแรมบางแห่ง - เครือโรงแรมใหญ่ๆ อย่างโรงแรม APA - มีบริการแลกเงินในอัตราที่ค่อนข้างแพงแต่สะดวก ถ้าอยากรู้ว่าโรงแรมของคุณมีบริการแลกเงินหรือไม่ ก็สามารถสอบถามพนักงานได้ระหว่างเช็กอิน นอกจากนี้ โรงแรมบางแห่งก็มีให้บริการเครื่องแลกเงินอัตโนมัติในล็อบบี้อีกด้วย
・สนามบินหลักส่วนใหญ่ก็จะมีบริการแลกเงินเช่นกัน เช่น ในสนามบินนาริตะที่เป็นสนามบินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดมีร้านแลกเงิน 12 แห่ง ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก็ขึ้นอยู่กับสกุลเงินและช่วงเวลาที่คุณมาท่องเที่ยว ทางเลือกนี้จึงอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็สะดวกที่สุดถ้าคุณมาถึงญี่ปุ่นโดยไม่มีเงินเยนติดตัวเลย และต้องการเงินสดอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คุณสามารถไปต่อได้จนกระทั่งเจอตู้ ATM
เปลี่ยนเศษเหรียญให้เป็นเงินสกุลดิจิตอลด้วยเครื่อง Pocket Change
อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากในการจัดการกับเศษเหรียญก็คือการนำเหรียญของคุณไปแลกที่เครื่อง Pocket Change! เครื่อง Pocket Change นี้เป็นบริการของชาวญี่ปุ่นที่จะช่วยรับเศษเหรียญของคุณไม่ว่าจะเป็นเงินเยน เงินดอลลาร์ เงินยูโร เงินหยวน และเงินวอน เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิตอล โดยคุณจะสามารถเลือกชนิดของเงินสกุลดิจิตอลที่ต้องการได้ รวมไปถึงการเลือกเป็นบัตรกำนัลดิจิตอลของบางร้านค้า เช่น Rakuten Apple และ Amazon ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกทำการบริจาคเหรียญจำนวนหนึ่งไปยังองค์กรการกุศลได้ ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเศษเหรียญของคุณจะไม่ถูกลืมอย่างเสียเปล่า นอกจากนี้ เครื่อง Pocket Change ก็ยังรับเงินสกุลดอลลาร์ฮ่องกง เงินไทยบาท เงินดอลลาร์ไต้หวัน (ใหม่) เงินดอลลาร์สิงคโปร์ และเงินเวียดนามดอง ในรูปแบบของธนบัตรอีกด้วย โดยเครื่องนี้จะมีตั้งอยู่ที่ฮอกไกโด โทโฮคุ คันโต ชูบุ คันไซ ชิโคคุ และคิวชู คุณสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับที่ตั้งของเครื่องนี้ได้ที่เว็บไซต์นี้
กำจัดเงินสดลงบนบัตร Suica หรือ PASMO เพื่อความสะดวก
หากคุณไม่ต้องการพกเหรียญไปตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ญี่ปุ่น คุณก็สามารถใส่เงินเหล่านั้นลงไปในบัตรเดินทางของคุณ (หรือ IC Card) ได้เช่นกัน ชนิดของบัตรนั้นก็จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่คุณได้บัตรมา โดยบัตร Suica หรือ บัตร Pasmo จะเป็นบัตรที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด รวมถึงบัตรชนิดอื่น เช่น บัตร Icoca PiTaPa (สำหรับเขตคันไซ) บัตร Toica บัตร Manaca บัตร Kitaca บัตร Sugoca บัตร Nimoca และบัตร Hayakaken
ในขณะที่ IC Card เป็นบัตรที่ถูกใช้สำหรับการเดินทางบ่อยที่สุด แต่บัตรเหล่านี้ยังสามารถเอาไปใช้ได้ในร้านสะดวกซื้อหลายแห่ง ใช้กับเครื่องขายสินค้าอัตโนมัติ และใช้ในร้านอาหารในเครือบางแห่งในรูปแบบของเงินสกุลดิจิตอลได้อีกด้วย วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีมากในการทำให้กระเป๋าสตางค์ของคุณเบาและมีประสิทธิภาพในการจับจ่ายใช้สอย โดยร้านค้าที่รองรับ IC Card เหล่านี้ส่วนใหญ่จะติดสติกเกอร์เกี่ยวกับรายละเอียดการรองรับไว้ที่กระจกหน้าร้าน
นอกจากนี้ บัตรเหล่านี้ยังสามารถใช้ได้นานหลายปี หากคุณมีแพลนที่จะกลับไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นอีก ก็คุ้มค่าที่จะเก็บเหรียญของคุณไว้ในบัตรนี้เพื่อใช้จ่ายในอนาคต!
ช็อปของฝากด้วยเศษเหรียญที่เหลือในกระเป๋า
หากคุณต้องการกำจัดเงินสดและเลือกของฝากสักสองสามชิ้นกลับบ้าน ก็มีร้านแสนสะดวกที่คุณสามารถพบได้ทั่วประเทศอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คือร้าน Daiso หรือร้าน 100 เยนนั่นเอง
ที่ร้านนี้มีทุกอย่างตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สินค้าสำหรับชีวิตประจำวัน ไปจนถึงพวงกุญแจอาหารและของกระจุกกระจิกน่ารักๆ สำหรับไว้เป็นของฝากเลยทีเดียว
หรือคุณจะไปที่ร้าน Don Quijote หรือที่มักจะเรียกกันว่า Donki ก็ได้ นั่นก็เป็นอีกร้านหนึ่งที่ควรค่าแก่การลองแวะไปดู เพราะร้านนี้มีขายทั้งอาหาร ของใช้ต่างๆ เสื้อผ้า ไปจนถึงสินค้าหรูหราโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมีงบประมาณเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถหาซื้ออะไรบางอย่างเพื่อใช้เงินสดที่เหลืออยู่ได้อย่างแน่นอน สำหรับไอเดียของฝากนั้น ลองอ่านดูที่บทความนี้
ใช้เงินเยนให้คุ้มค่าที่สุด
ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่วางใจในการใช้เงินสด การที่คุณจะใช้บัตรเครดิตที่ร้านหลักต่างๆ นั้นไม่เป็นปัญหาใดๆ แต่ก็ควรที่จะมีเงินสดเผื่อไว้ให้อุ่นใจบ้าง แวะไปยังร้าน 7-Eleven ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อถอนเงินสดติดตัวไว้สักหน่อย เท่านั้นคุณก็พร้อมเที่ยวได้อย่างสบายใจแล้ว
และหากคุณต้องการที่จะใช้ทุกๆ เยนอย่างคุ้มค่า การเปลี่ยนเศษเหรียญที่เหลืออยู่เป็นของฝากชิ้นใหม่ หรือจะมองหาเครื่อง Pocket Change ที่ใกล้ที่สุดและบริจาคเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็นับเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน คุณจะได้มั่นใจได้ว่าเงินทุกเยนของคุณได้ถูกนำไปใช้อย่างครบถ้วนและคุ้มค่าจริงๆ
เครดิตภาพหัวเรื่อง: Nick Pampoukidis/Unsplash
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่