ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่ง "กัปตันซึบาสะ"! เจาะลึกความลับที่ถูกซ่อนไว้ภายในสถานีโยสึกิแห่งกรุงโตเกียว
หากเป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอลและมีความสนใจในการ์ตูนมังงะหรืออนิเมะญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ จะต้องได้ดูหรือได้ยินเรื่องของ "กัปตันซึบาสะ" กันมาบ้างนะครับ ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นเท่านั้นแต่ทั่วโลกก็ยังคุ้นเคยกับ โอโซระ ซึบาสะ ตัวเอกของเรื่อง ซึ่งได้กลายเป็นไอดอลให้กับนักฟุตบอลอาชีพหลายต่อหลายคน การ์ตูนเรื่องนี้เริ่มขึ้นในปี 1981 โดยมีอายุมากกว่า 35 ปีแล้ว แม้ในปัจจุบันก็ยังเป็นที่สนใจอย่างต่อเนื่องสำหรับแฟนๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ สำหรับสถานีโยสึกิสายรถไฟเคเซเด็นเท็ตสึนั้นได้เริ่มจำลองโลกของกัปตันซึบาสะตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 โดยในบทความนี้ได้ทำการตรวจสอบค้นคว้าความลับที่แทบไม่มีใครรู้จักมาแนะนำให้คุณได้ชมกันครับ! สำหรับแฟนๆ คงปลื้มไม่น้อย ที่จะได้ชมรายละเอียดต่างๆ ที่แอบซ่อนไว้ในการประดับประดาอย่างพิถีพิถันที่นี่ครับ
บทความนี้อาจมีลิงก์พาร์ทเนอร์ หากคุณทำการซื้อผ่านลิงก์พาร์ทเนอร์ เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับคุณ
เกี่ยวกับ "กัปตันซึบาสะ"
"กัปตันซึบาสะ" เป็นซีรีย์มังงะของ คุณทาคาฮาชิ โยอิจิ ที่ได้ตีพิมพ์ลงในโชเน็นจัมป์ นิตยสารยอดนิยมของญี่ปุ่น ในช่วงปี 1981-1988 ตัวเอกของเรื่องคือ โอโซระ ซึบาสะ เด็กชายผู้วิ่งไล่ตามความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเนื้อเรื่องดำเนินตั้งแต่ช่วงที่เขาเป็นเด็กชายผู้มีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอล จนถึงมัธยมต้น เข้าสู่ช่วงทีมเยาวชน และได้ไปเล่นที่บราซิลในท้ายที่สุด มีความยาวรวมทั้งสิ้น 37 เล่ม นอกจากนี้หลังจากได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว ยังมีซีรีย์ที่เขาได้เป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่นไปเล่นในสโมสรต่างประเทศใหญ่ๆ อย่างซานเปาโลเอฟซี หรือเอฟซีบาร์เซโลนาอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวชิ้นยาวที่สร้างความประทับใจและมอบความกล้าหาญให้แก่ผู้คนมากมาย
ผลงานชิ้นนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่นจนถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมะฉายทางทีวี ภาพยนตร์ และเกม แถมตัวอนิเมะเองยังได้ออกฉายไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้การมีอยู่ของกัปตันซึบาสะขยายวงกว้างไปทั่วโลก จนกระทั่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีสำหรับหลายๆ คน
"สถานีโยสึกิ" แห่งสายรถไฟเคเซเด็นเท็ตสึ สถานที่ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงพาสชันที่มีต่อ "กัปตันซึบาสะ" ของชาวญี่ปุ่น
แม้ว่าจะผ่านมากว่า 35 ปีแล้วที่มังงะเรื่องนี้ได้ลงตีพิมพ์เป็นตอนแรก "กัปตันซึบาสะ" ก็ยังคงความนิยมไม่เสื่อมคลาย หนึ่งในหลักฐานที่เห็นได้ชัดคือ "สถานีโยสึกิ" แห่งสายรถไฟเคเซเด็นเท็ตสึ
สถานีโยสึกิตั้งอยู่ในเขตคัตสึชิกะที่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียว ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟจากสถานีโตเกียวราว 30 นาที หรือจากสถานีอาซากุสะที่มีประตูคามินาริมงอันโด่งดังก็ใช้เวลาเพียง 10 นาที แม้จะเป็นจุดที่เดินทางสะดวกก็จริง แต่เนื่องจากไม่ใช่ย่านการค้าหรือเมืองสำนักงาน จึงทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องเที่ยวนัก อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของคุณทาคาฮาชิ โยอิจิ ผู้ให้กำเนิด "กัปตันซึบาสะ" และกล่าวกันว่าชื่อ "เมืองนันคัตสึ" เมืองที่ตัวเอกของเรื่องได้ใช้เวลาช่วงประถมและมัธยมต้นนั้น มีที่มาจากโรงเรียน "Tokyo Toritsu Minami Katsushika Koto Gakko" ซึ่งอยู่ในเขตคัตสึชิกะแห่งนี้นี่เอง
จากความข้องเกี่ยวดังกล่าวนี้ จึงทำให้รถไฟสายเคเซเด็นเท็ตสึได้ร่วมกับเขตคัตสึชิกะและบริษัทชูเอย์ฉะผู้จัดพิมพ์นิตยสาร "โชเน็นจัมป์" ในการจัดแสดงและประดับสถานีในธีม "กัปตันซึบาสะ" ตั้งแต่มีนาคม 2019 เป็นต้นมา
ที่บริเวณทางเข้าสถานีนั้นมีป้ายขนาดใหญ่ที่มีภาพของตัวละครหลายๆ คนในเรื่องอยู่ ที่บันไดทางเข้าสถานีเองก็ประดับไปด้วยภาพของ เฮียวงะ โคจิโร่ ซึ่งเป็นคู่แข่งของซึบาสะ กำลังตั้งท่าเตะลูกฟุตบอลอยู่พร้อมกับประโยค "ยินดีต้อนรับสู่สถานีโยสึกิ!" คอยต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการสถานีอีกด้วย
สำหรับในครั้งนี้ทางทีมงานของ tsunagu Japan ก็ได้รับโอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์คุณโอกิซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสายรถไฟเคเซเด็นเท็ตสึ โดยได้รับข้อมูลของจุดเยี่ยมชมและข้อมูลลับสุดเอ็กซ์คลูซีฟต่างๆ ที่เกี่ยวกับ "กัปตันซึบาสะ" ที่โดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยมีใครรู้จักมาก่อนอีกด้วยครับ
เมื่อก้าวเข้าสู่สถานีแล้วก็มีเรื่องให้ตกใจทันที! เพราะเมื่อมองกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทที่ฝั่งตรงข้ามของภาพเมื่อสักครู่แล้ว จะเห็นลูกฟุตบอลฝังอยู่บนป้ายของร้าน ซึ่งมีที่มาจากลูกเตะของเฮียวงะ โคจิโร่ที่อยู่บนบันไดสถานีนั่นเองครับ เป็นดีไซน์ที่ทำให้เรารู้สึกราวกับว่าบอลเพิ่งถูกเตะอย่างสดๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว
เมื่อขึ้นบันไดเมื่อสักครู่ไปก็จะพบกับทางเข้าชานชาลาสถานี โดยสองฝั่งทางเข้าของชานชาลานั้นมีโกลฟุตบอลหันหน้าเข้าหากันทั้งสองฝั่ง และมีตัวละครใน "กัปตันซึบาสะ" ที่ยืนเชียร์อยู่ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสนามฟุตบอลอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ
เมื่อผ่านประตูตรวจตั๋วเข้าไปจะเห็นพื้นที่เหมือนกับอยู่ในสนามฟุตบอล จะเดินผ่านไปเฉยๆ ตรงนี้ไม่ได้นะครับ ต้องหยุดยืนและมองขึ้นไปบนเพดานก่อนให้ได้
คุณจะพบกับภาพของซึบาสะที่กำลังจะชู้ตลูกเตะอยู่ ถ้าหากจะพูดถึงเนื้อหาสุดตื่นเต้นของกัปตันซึบาสะล่ะก็ มันก็คือลูกยิงประตูที่มีพลังโชว์ความเทพในเนื้อเรื่องแต่ละลูกนี่ล่ะครับ ยิ่งกว่านั้นการได้เห็นภาพท่าไม้ตายของซึบาสะอย่างโอเวอร์เฮดคิก (หรือเรียกภาษาไทยว่าจักรยานอากาศ) ในขนาดที่ใหญ่แบบนี้สมควรเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอนครับ
และยังมีประเด็นที่ต้องสนใจอีกเรื่องหนึ่งครับ นั่นก็คือมีการวาดภาพของเงาของซึบาสะไว้บนพื้นด้านล่างอีกด้วย ทำให้เราได้รู้สึกถึงความประณีตของผลงานศิลปะที่นี่เลยทีเดียวครับ
ที่บริเวณบันไดขึ้นชานชาลาจะมีข้อความอย่าง "STOP! ห้ามวิ่งขึ้นรถไฟ" "พวกเราไม่สนับสนุนการวิ่งขึ้นรถไฟ!" และ "ทุกคนมาขึ้นรถไฟกันเถอะ!" พร้อมกับภาพของซึบาสะ เพื่อนร่วมทีม และเหล่าคู่แข่งต่างๆ ประดับไว้อย่างมีชีวิตชีวา
สำหรับผู้คนที่มาจากประเทศอื่นๆ ก็ยังอาจได้พบกับคำทักทายที่คุ้นเคยในภาษาแม่ของตนเองอีกด้วย
เมื่อขึ้นไปบนชานชาลาก็จะพบกับตัวละครมากมายที่อยู่บนกำแพง ป้ายสถานีและจุดอื่นๆ ที่คุณอาจนึกไม่ถึงก็ยังมีภาพของพวกเขาอยู่อีกด้วย ลองไปค้นหาผู้เล่นที่คุณชื่นชอบกันดูนะครับ
เมื่อยืนอยู่บนชานชาลาแล้วให้ลองเงี่ยหูฟังดู เมื่อรถไฟมาถึงจะมีเสียงสัญญาณส่งมาตามลำโพงเป็นเพลงประกอบอนิเมะที่ชื่อว่า "Moete Hero" และเสียงตัวละครที่ออกมาในอนิเมะอีกด้วยครับ ชานชาลา 1 นั้นจะเป็นเสียงของซึบาสะ ชานชาลา 2 นั้นจะเป็นเสียงของ นากาซาวะ ซานาเอะ ที่เป็นนางเอกของเรื่องนั่นเองครับ
สถานีเคเซเด็นเท็ตสึโยสึกิ: เสียงของชานชาลา 1
สถานีเคเซเด็นเท็ตสึโยสึกิ: เสียงของชานชาลา 2
ที่ผ่านมานี้เป็นข้อมูลที่แฟนๆ ซึบาสะจะต้องกรีดร้องแน่นอน ในกรณีของผู้ที่ไม่ค่อยรู้จักกัปตันซึบาสะแต่ชื่นชอบฟุตบอลเองก็มีจุดที่ต้องสนใจอยู่เช่นกัน
ภายในสถานีนี้มีมุมเล็กๆ ที่ถูกจัดเอาไว้คล้ายกับห้องแต่งตัวนักกีฬา โดยมีหุ่นจำลองขนาดเท่าตัวจริงของกัปตันซึบาสะตั้งเอาไว้ ที่ด้านข้างหุ่นของซึบาสะนั้นยังมีหุ่นของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง อันเดรส อินิเอสตา ตั้งอยู่อีกด้วยครับ
สาเหตุที่มีหุ่นของอินิเอสตานั้นเป็นเพราะว่าตัวเขาเองก็เป็นแฟนตัวยงของกัปตันซึบาสะ ทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของโปรเจคนี้ เขาได้เดินทางมาที่นี่ในวันที่การก่อสร้างประดับสถานีนี้เสร็จสิ้นลง หุ่นจำลองนี้จึงสร้างไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการมาเยือนในครั้งนั้นของเขา
โดยคุณทาคาฮาชิ โยอิจิและอินิเอสตาก็ได้เซ็นลายเซ็นของตัวเองลงบนชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนนันคัตสึ และตั้งโชว์ไว้ให้เราได้ชมอีกด้วยครับ
ในมุมเดียวกันนี้ยังมีงานศิลป์อื่นๆ อีกด้วย หากมองเผินๆ แล้วจะเหมือนกับภาพเขียนธรรมดาก็จริง แต่หากเข้าไปมองใกล้ๆ แล้วคุณจะต้องประหลาดใจแน่นอน เพราะว่าจริงๆ แล้วมันคือการเอาตั๋วรถไฟหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นใบมาตั้งเรียงกันเป็นภาพนั่นเองครับ
ส่วนสีขาวนั้นคือส่วนหน้าตั๋ว ส่วนที่เป็นสิดำเหมือนดินสอนั้นก็คือด้านหลังตั๋วที่ถูกพลิกออกมานั่นเอง
นอกจากนี้ ตัวหลอดไฟของสถานียังถูกดีไซน์ให้คล้ายกับลูกฟุตบอล หรือคำพูดอันโด่งดังของซึบาสะที่ว่า "ลูกบอลน่ะคือเพื่อน ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก!" นั้นยังถูกสลักลงบนราวจับของบันไดเลื่อน ถือเป็นการวางแผนออกแบบมาเป็นอย่างดีจนถึงรายละเอียดเลยทีเดียว หากเข้ามาถึงภายในสถานีนี้แล้วคุณจะต้องรู้สึกเหมือนได้เข้ามาอยู่ในโลกของมังงะหรือไม่ก็อนิเมะของกัปตันซึบาสะเลยทีเดียวล่ะครับ
หากฟังเสียงของชาวโยสึกิแล้วล่ะก็ หลายคนมักพูดว่าตั้งแต่มีการประดับภาพ "กัปตันซึบาสะ" ที่สถานีโยสึกิและบริเวณรอบๆ แล้วก็ได้พบกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากชาติเอเชียด้วยกันเพิ่มมากขึ้นครับ ที่บริเวณจุดวางใบปลิวในสถานีเองก็ยังมีการวางเอกสารฉบับภาษาอังกฤษที่แนะนำจุดตั้งรูปหล่อทองแดงของตัวละครในกัปตันซึบาสะเอาไว้อีกด้วย (มีจำนวนจำกัด) มารับใบปลิวที่นี่แล้วออกไปเดินตามหาตัวละครกันก็เป็นความคิดที่เข้าท่าอยู่เหมือนกันนะครับ
รู้สึกอย่างไรบ้างครับกับโลกของซึบาสะที่แผ่กว้างอยู่ในพื้นที่ที่คาดไม่ถึงอย่างสถานีรถไฟ? สำหรับผู้ที่สนใจในวัฒนธรรมป๊อบคัลเจอร์แบบญี่ปุ่นอย่างมังงะหรืออนิเมะ กีฬาที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลกอย่างฟุตบอล หรือสิ่งที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ต้องรู้สึกตื่นตากับสถานีโยสึกิแห่งนี้อย่างแน่นอน อยากให้ทุกคนได้ลองเดินทางไปเจอกับ "กัปตันซึบาสะ" อันเป็นที่รักและคลั่งไคล้ของชาวญี่ปุ่นกันดูให้ได้นะครับ!
หากมีคำถาม คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะใดๆ เกี่ยวกับบทความของเรา สามารถติดต่อและติดตามเราผ่านทางเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ได้เลย !
เนื้อหาในบทความนี้ อัพเดทล่าสุด ณ วันที่เผยแพร่